แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ โรคประจำตัว แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ โรคประจำตัว แสดงบทความทั้งหมด

8/03/2565

ep1พี่เมเล่าประสบการณ์โรคประจำตัวของตัวเอง

ep1พี่เมเล่าประสบการณ์โรคประจำตัวของตัวเอง
วันที่เขียนแบ่งปันนี้ วันที่ 28.07.2565  เป็นวันที่ตั้งใจเปิดกลุ่ม
สนใจเข้ากลุ่มแบ่งปันความรู้กัน
คุณกดลิงค์ไปที่กลุ่มค่ะ ชื่อกลุ่ม
Mathineehandmade ปันเรื่องราวมากมาย การป่วย การดูแล จากสิ่งที่เราผ่านมา

.
ความเดิมเรื่องสุขภาพของตัวเอง ตอนที่อายุยังน้อย อยู่ในวัยทำงานเราก็ใช้ชีวิตปกติ ตรวจร่างกายประจำปีกับบริษัทก็ไม่พบสิ่งที่ต้องกังวล จะมีบ้างบางปีไขมันไม่ดีมากเกินไป เป็นเพราะนิสัยการกินง่ายอยู่ง่าย ไวเข้าไว้  ตรวจความดันก็ปกติ 
.
สิ่งที่ชอบมากและกินจนติดเป็นนิสัยคือ  กาแฟ  ชอบที่สุดคือกาแฟสด และคาร์ปูชิโน่  ของขบเคี้ยวเวลาทำงานเครียดก็กาแฟ  มันฝรั่งทอด ไส้กรอก อาหารฟาสฟู๊ด แฮมเบอร์เกอร์  ชอบปรุงรสเผ็ด เปรี้ยว เค็ม  อาหารส่วนมากเป็นอาหารนอกบ้าน มีบ้างที่ทำกินเองในวันหยุดเท่านั้น  นอนดึก ตื่นเช้า จนร่างกายโดนทรมานจนเคยชิน
.
ปี 2558 เดือนมีนาคม ตัดสินใจลาออกจากงานเพราะเครียดมาก เป็นการลาออกก่อนเวลาตอนนี้อายุ 48 ปี คิดเผื่อไปข้างหน้าแล้วว่าเราจะอยู่รอดได้ ตอนลาออกมาก็ยังส่งประกันสังคม ม.39 ต่อ ตอนส่งก็ไม่ได้คิดอะไรเพียงแค่รักษาระยะเวลาต่อเนื่องจาก ม.33  เพื่อตอนอายุ 55 ปีจะลองดูว่าจะได้รับเงินคืนหรือไม่
.
วัน เวลา ผ่านไป  หลังจากลาออกจากการทำงาน สิ่งที่เราขาดหายไปคือการตรวจร่างกายประจำปี ตั้งแต่ปี 2558 จนถึง 2565 
.
เราได้ย้ายบ้านมาอยู่ที่ อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่  ตั้งแต่ปี 2560 เดือนกันยายน ร่างกายก็ยังไม่ผิดปกติ น้ำหนักตัวจะคงที่คือ 53-54 กิโลกรัม ความสูง 169 cm. ลุงนิลก็แปลกใจว่ากินได้แต่ทำไมไม่อ้วนเลย ถ้าเจออากาศร้อนสิ่งที่จะเป็นคือ ปวดหัวข้างเดียวเหมือนเป็นไมเกรน วิธีแก้กินกาแฟ  จนตอนหลังเป็นกาแฟดำ  มันก็ทำให้ดีขึ้นแต่ไม่นานก็ปวดอีก เป็นแบบนี้เรื่อยๆ  จะปวดบริเวณเอว บริเวณหลังเวลานั่งนาน พี่เมก็เข้าใจว่าเป็นเพราะนั่งไม่ถูกท่านั่งนาน หาเบาะนุ่มมานั่งมันก็ช่วยได้บ้าง
.
ปลายปี 2563 ที่อำเภอพร้าว พี่เมประสบอุบัติเหตุจากการจากการตีแบดมินตันที่หน้าบ้าน ลื่นไถลไปกับถนน เข้าโรงพยาบาลพร้าว เป็นแผลที่ใบหน้าเย็บรวม 15 เข็ม และแผลที่หัวเข้า  เห็นประโยชน์ของการส่งประกันสังคม ม.39 รักษาฟรี โรงพยาบาลพร้าวและโรงพยาบาลนครพิงค์ เชียงใหม่เป็นเครือกัน เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ต้องเข้าห้องฉุกเฉิน โดนฉีดยาชา และเย็บแผลที่หน้า ความดันขึ้นสูง เลือดไหลออกมาก  หลังจากทำแผลหมอให้นอนดูอาการ 1 คืน
.
ตอนที่เป็นแผลต้องไปรักษาที่โรงพยาบาลพร้าว เพื่อล้างแผล ก่อนล้างแผล พยาบาลวัดความดัน พี่เมความดันสูงค่ะขึ้นไปถึง 175 แต่ก็ยังไม่ได้กังวลอะไร พอนอนความดันก็ลด  อาการปวดหัวไมเกรน เราก็กินกาแฟดำ ตอนเย็นก็เดินออกกำลังกาย ร่างกายก็กลับมาปกติ น้ำหนักก็ยังเหมือนเดิม 53-54 กก.  จะมีบ้างที่คันตามร่างกาย และนอนไม่หลับ ตอนนั้นคิดว่าเป็นอาการวัยทอง ผู้หญิงที่หมดประจำเดือนจำเดือนก็น่าจะเป็นแบบนี้ ประจำเดือนพี่เมหมดตอนปี 2563 อายุย่างเข้า 54 ปี
.
ประจำเดือนหมดไปสิ่งที่รับรู้การเปลี่ยนแปลงของร่างกายที่ชัดเจนคือ วูปวาปร้อนข้างใน กลางคืนนอนจะไม่ค่อยหลับ กระสับกระส่าย ร้อนข้างในทั้งที่เป็นหน้าหนาว อ.พร้าว ลุงนิลใส่เสื้อกันหนาวนอนพี่เมร้อน  สลับกับคันตั้งแต่หน้าท้อง หลัง ก้น ไปถึงต้นขา  คันไม่มีสาเหตุ และปวดหัวไมเกรน เป็นอยู่แบบนี้ ก็เข้าใจว่าเป็นวัยทอง อดทนเอานะ คนเฒ่าบอกว่าครบปีจะดีขึ้น
.
ปี 2565 เดือนพฤศจิกายน คิดอยู่นานเรื่องการฉีดวัคซีนโควิด จนได้สูตรที่คิดว่าน่าจะโอเค  เข็มแรกแอสตร้า  เข็มที่สองไฟรเซอร์  
ฉีดวัคซีนเข็มแรกแอสตร้า ก่อนฉีดวัดความดัน 165 พยาบาลให้พักเพราะอาจจะเป็นเพราะเพิ่งเดินมา  หลังจากความดันลง ฉีดวัคซีนแล้ว นั่งรอ 30 นาที แถวยาวๆที่นั่งรอ น้องพยาบาลเดินเข้ามาถามพี่เมคนเดียวเลยว่า มีอาการแน่นหน้าอก  หายใจไม่ออก หวิว เหมือนจะเป็นลมมั้ย  ตอนนั้นก็ปกตินะไม่เป็นอะไร กลับบ้านอาบน้ำนอน ร่างกายมันแปลกๆ วูปๆเหมือนจะเป็นลม หวิวๆ แปลกๆ 
.
คืนแรกหลังจากฉีดวัคซีนเข้าร่างกาย ปวดหัวมาก ปวดไม่เคยเป็นมาก่อน ปวดจนทนไม่ไหว ไม่มีแรง เช้าวันรุ่งขึ้น ลุงนิลพาไปโรงพยาบาลพร้าว วัดความดันก่อนพบหมอ ความดันขึ้นเป็น 195 ถูกส่งตัวเข้าห้องฉุกเฉิน พยาบาลให้กินยาเพื่อลดความดันสองเม็ด นอนพักเพื่อให้ยาความดันออกฤทธิ  และเอาฉี่ไปตรวจ
.
เวลาผ่านไปเกือบครึ่งวัน นอนเพื่อให้ความดันลดลงในห้องฉุกเฉิน พอความดันลด พยาบาลให้เดินเอกสารไปส่งที่จุดเริ่มต้น  เดินออกจากห้องฉุกเฉินเจอลุงนิลที่หน้าห้องฉุกเฉิน  เป็นลมค่ะ  ถูกนำส่งเข้าห้องฉุกเฉินเหมือนเดิมอีกครั้ง  วัดความดันขึ้นมาเหมือนเดิม 175 พยาบาลถามกินข้าวเช้าหรือยัง ได้กินข้าวในห้องฉุกเฉิน เติมน้ำเกลือหนึ่งกระปุก แล้วนอนรอพบหมอ
.
จนบ่าย หมดตรวจความดัน ตรวจคลื่นหัวใจ ตรวจฉี่ เจาะเลือดไปตรวจ นอนรอผลตรวจในห้องฉุกเฉิน สภาพคือไม่มีแรง ปวดหัว  หมอตรวจไตเบื้องต้นใช้อุปกรณ์ตรวจที่หน้าท้อง พบว่าไตบวม  ผลเลือดออกมาหมอแจ้งว่าความดันเราสูงทำให้ไดบวม ไตเราเสื่อม  ตกใจมากไม่เคยคิดมากก่อนว่าจะได้ยินคำนี้ และไม่เคยคิดกว่าเราจะเป็นไต  หมอบอกเป็นไปได้ว่าความดันสูงมันทำให้ไตเราทำงานหนักและไม่ฟื้นตัว  และอาจเป็นไปได้ว่าเราอาจเป็นมานานแล้วแต่ไม่รู้ตัว ค่าไตเหลือ 4.8-4.9 ริบหรี่มากที่จะฟอก และถ้าไม่กินยาความดัน ร่างกายจะทนไม่ไหว
.
หมอให้นอนที่โรงพยาบาล กินยารักษาอาการแรกก่อนคือคุมความดันไม่ให้สูง ต่อหนึ่งวันกินยาความดัน 5 เม็ด +ยาบำรุงเลือด+ยาสำหรับโรคหลอดเลือดหัวใจ + กรดโฟลิก +ยาลดไขมันในเลือด  ตั้งแต่เกิดมาก็ไม่เคยต้องกินยามากมายแบบนี้  นอนอยู่ 6 วัน ถูกจำกัดเรื่องน้ำดื่ม และเก็บฉี่ตรวจ เพื่อดูปริมาณน้ำที่ดื่มเข้าไป และที่ขับออกมา ความดันขึ้นๆลงๆ 
.
นอนที่โรงพยาบาลได้สามคืน นอนไม่หลับเป็นห้องรวม ลุงนิลเดินเรื่องย้ายเข้าห้องพิเศษ หวังว่าจะได้นอนหลับดีกว่านอนห้องรวม  ประมาณตีสอง ถูกผู้ช่วยพยาบาลปลุก เพื่อวัดความดัน แล้วลุกจากเตียงไปเข้าห้องน้ำ วูปเป็นลม หมดสติคาโถส้วม ตาเหลือก และชักเกรง ลุงนิลบอกอาการเหมือนผีเข้า พยาบาลให้ออกมานอนที่ห้องรวมเหมือนเดิม  อาการคือพี่เมเคลื่อนไหวเร็วไปทำให้ความดันปรับไม่ทัน  จากนอนเป็นนั่งเป็นเดินเพื่อไปห้องน้ำ นอนอีกสามคืนเพื่อดูอาการ  เช้าวันที่เจ็ด หมอเขียนหนังสือส่งตัวไปโรงพยาบาลนครพิงค์ เพื่อรักษากับหมอเฉพาะทาง 
.
ลุงนิลพาไปนครพิงค์ ยาที่ได้มาก็เป็นตัวเดิมกับที่โรงพยาบาลพร้าวออกให้ ช่วงแรกหมอนัดเดือนละครั้ง ไปทั้งสองโรงพยาบาลทั้งพร้าว และนครพิงค์สลับกัน โรงพยาบาลนครพิงค์นัดอีกสามเดือน
.
กลับมารักษาตัวที่บ้าน อาการที่พบคือร่างกายยังปรับเข้ากับยาไม่ได้ ขาบวม จากยาความดัน หมดลดยาความดันจาก 5 เม็ดเหลือ 4 เม็ด อย่างอื่นคงเดิม ทุกครั้งที่ทานยาหลังอาหารเช้า ร่างกายจะไม่มีแรง เหมือนจะเป็นลม เดินไม่ค่อยสะดวกร่างการโครงเครง นั่งก็เหนื่อย  เดินก็เหนื่อย นอนก็เหนื่อย มันเหมือนคนไม่มีเรี่ยวมีแรง  กินข้าวได้น้อย  
.
ถึงเวลาฉีดวัคซีนเข็มที่สองเข้าร่างกายเรา ก่อนฉีดความดันปกติเพราะกินยาคุมความดันไว้  หลังฉีดวันแรกก็ปกติ  ลุงนิลมีอาการปวดหัว  ผ่านไปไม่กี่วันอาการใหม่เกิดขึ้นกับพี่เม อาจเป็นเพราะเป็นช่วงที่ อ.พร้าว มีการเผากิ่งไม้ทำให้มีควัน แล้วพี่เมก็ไอ  แต่มันเป็นการไอที่แปลก ไอเยอะมาก ไอต่อเนื่อง ยิ่งตอนกลางคืนแทบไม่ได้นอน เริ่มกินข้าวไม่ค่อยได้ น้ำหนักเริ่มลด ร่างกายไม่มีแรง  กินยาแล้วก็นอน  
.
มีอยู่วันหนึ่งหลังจากกินยาหลังอาหาร ลุงนิลชวนไปตลาด อ.พร้าว เราก็ซ้อนมอร์ไซต์ไปปกติ  ถึงกลางทางมันตึงหัวไหล่ และเหมือนจะเป็นลม อาจเป็นเพราะเจออากาศร้อนและร่างกายยังไม่ชินกับยา ถึงร้านขายของบอกลุงนิล เดินไม่ไหว เหมือนจะหน้ามืด ขอนั่งรอ แล้วเราก็เป็นลมหมดสติ  ร้านขายของโทรแจ้งกู้ภัย ส่งตัวเข้าห้องฉุกเฉิน ความดันขึ้น หมอตรวจคลื่นหัวใจ และเติมน้ำเกลือ  ความดันลงกลับบ้านได้
.
อาการที่พบใหม่คือไอ จนทนไม่ไหว ลุงนิลพาไปหาหมอที่โรงพยาบาลพร้าว  ให้หมอตรวจเรื่องอาการไอ หมอตรวจเสมหะ ตรวจปอด ก็ปกติไม่มีอะไร ให้ยาแก้ไอมาทาน กลับมารักษาตัวที่บ้าน แต่อาการไอมันไม่ทุเลา ไอหนักมาก ไอจนไม่ได้นอน ไอจนหายใจไม่ทันหายใจไม่ออกครั้งแรกเป็นตอนเย็น  อีกครั้งหนักมากเป็นตอนประมาณ 10 โมง อาการคือไอแล้ว หายใจเข้าไม่ได้ หายใจออกไม่ได้ วูปหมดสติไป ลุงนิล ปฐมพยาบาลจนฟื้น ร่างกายไม่มีแรง
.
ลุงนิลโทรแจ้งกู้ภัยพร้าว นำตัวส่งห้องฉุกเฉิน พยาบาลตรวจความดันปกติ แต่ค่าออกซิเจนในเลือดต่ำ  คนไข้ในห้องฉุกเฉินเยอะมากวันนั้น  นอนรอหมอ เราก็ไออีก และหายใจไม่ออกอีกเกือบจะวูปในห้องฉุกเฉิน  หมอสั่งเจาะเลือดตรวจ และถามเรื่องน้ำหนักเดิมน้ำหนัก 53 เหลือ 43 ระยะเวลาสองเดือนน้ำหนักหายไป 10 กิโล ไม่ปกติแล้ว
.
หมอส่งเลือดตรวจที่โรงพยาบาลสันทราย และต้องรอผลประมาณ 7 วันถึงจะทราบผล และบอกว่าเราอาจเป็นไทรอยด์ ตกใจซ้ำสองเข้าไปอีก เรานี่นะเป็นไทรอยด์  ผลตรวจเลือดออกมาเลือดขาดแคลเซี่ยม ออกซิเจนในเลือดต่ำ หมอให้นอนที่โรงพยาบาลเพื่อเติมน้ำเกลือ และพ่นยา นอนที่โรงพยาบาลพร้าว 3 วันสองคืน  อาการไอดีขึ้นจากการพ่นน้ำเกลือที่โพรงจมูก หายใจโล่ง แต่ก็ยังมีไอบ้าง
.
อาการไอไม่ดีขึ้น ไปหาหมออีกครั้งที่โรงพยาบาลพร้าว หมดดูผลเลือดแล้วบอกว่าไทรอยด์เป็นพิษ หมอให้เริ่มกินยาไทรอยด์ 2 เม็ด 3 มื้อ หลังอาหาร หลังจากกินยาไทรอยด์ไปแล้วสองวัน สังเกตุที่ขาตัวเองมีตุ่มเม็ดเลือดเหมือนไข้เลือดออก ไม่มีอาการคัน ตุ่มขึ้นเป็นผื่นเริ่มกระจายทั่ว ขึ้นขาซ้ายก่อน แล้วขาขวาขึ้นตาม  ไม่มีแรง เพลีย  ลุงนิลพาไปหาหมอที่โรงพยาบาลพร้าว แอดมิดนอนที่โรงพยาบาลพร้าวอีก 3 วันสองคืน  ตุ่มเม็ดเลือดขึ้นขา และแผ่นหลังเยอะมาก 
.
หมอเจาะเลือด ส่งตรวจไทรอยด์อีกครั้งที่สันทราย  ตรวจเลือดเบื้องต้นพบอาการซีด ไอ และไม่มีแรง เติมน้ำเกลือ และเติมเลือด 1 กระปุก เพราะเกล็ดเลือดต่ำ อาการโดยรวมกลับมาแย่อีกครั้ง เดินไม่ไหว หวิวเหมือนจะเป็นลม หมอเขียนใบส่งตัวให้เข้านครพิงค์อีกครั้ง ทั้งที่มีใบนัดอยู่แล้วแต่ยังไม่ถึงรอบ ต้องไปพบหมอที่นครพิงค์ก่อนกำหนด
.
ลุงนิลพาไป พบหมอก่อนกำหนดเล่าอาการให้หมอฟัง หมอดูผลเลือดที่ รพ.พร้าวแนบบมา ตัดสินใจเปลี่ยนยาไทรรอยด์ให้ยกเลิกยาเดิม  หมอเปลี่ยนยาให้  เป็นยาไทรอยด์ที่กิน 2 เม็ดหลังอาหารเช้าเท่านั้น กลับมารักษาตัวที่บ้าน  ตุ่มเม็ดเลือดค่อยๆจางหายไป คิดว่าเป็นอาการแพ้ยาไทรอยด์ชนิดแรกที่กิน 2 เม็ดหลังอาหารสามมื้อ 
.
รักษาตัวด้วยการไปหาหมอตามนัด กินยาตามหมดสั่ง ตรวจเลือด ตรวจฉี่ ความดันควบคุมได้ลงมา 120 เพราะกินยา แต่ค่าไตยังคงที่ไม่ดีขึ้นไม่ลดลง ค่าไตเหลือ 4.9 เสื่ยงต่อการฟอก ลุงนิลควบคุมอาหาร ทำอาหารเองงดการทานนอกบ้าน ทานจืด งดเครื่องปรุง งดรสเค็มจัด มันจัด เพื่อหวังว่าค่าไตจะไม่เสื่อมลงไปมากกว่านี้
.
หลังจากมื้อเช้า กินยาหลังอาหารแล้วต้องนอน เพราะความดันมันจะลงเยอะมาก บ้านหมุน หน้ามืดตาลาย นอนครึ่งวันเช้า วนเวียนอยู่แบบนี้ จะมีบ้างตอนเช้าที่ลุงนิลให้นั่งตากแดด และออกกำลังกายเล็กๆน้อยๆ เพื่อให้ร่างกายได้ขยับ
.
(โปรดติดตาม ep2)
สรุปep1 พี่เมรับรู้แล้วว่าตัวเองป่วย มีโรคประจำตัว 3 โรคหนักๆเลยคือ #ไตเสื่อม  #ความดันสูง   #ไทรอยด์

ติดต่อพี่เม
Line ID : Mathinee.p

Tel . 089-244-7220 / 092-354-0092

ติดตามพี่เมได้ที่